เส้นทางของ นักเตะดาวรุ่ง ไม่ใช่จะเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเริ่มต้นที่อาเดมี่ไหน พวกเขาล้วนใฝ่ฝันที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมระดับโลก หากทีมระดับโลกนั้นเป็นทีมในเมืองที่เขาเกิดมามันจึงใหญ่ยิ่งเมื่อฝันเป็นจริง แต่ก็อีกเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนจะประสบความสำเร็จได้
จาดอน ซานโช จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเพราะรู้ดีว่า ตัวเองในวัย 17 คงไม่สามารถแสดงฝีเท้าต่อหน้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่มีทางเลือกเป็นแข้งซูเปอร์สตาร์ระดับโลก เขาไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในลีกที่มีทีมผูกขาดแชมป์อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ทั้งที่หากอยู่ต่อ เขาอาจมีเหรียญแชมป์ พรีเมียร์ลีก สักสมัย ผ่านไป 4 ปีเขากลับมาที่บ้านเกิดอย่างภาคภูมิ
5 นักเตะดาวรุ่ง ออกจากทีมใหญ่ ไปหาสิ่งที่ดีขึ้น
ทางเข้า sbo เชื่อว่า หลายคนอยู่กับทีมเยาวชนภายใต้สโมสรยักษ์ใหญ่ วาดขั้นบันไดว่าจะไต่เต้าจากทีมสำรองขึ้นไปเป็นตัวสำรองและหากมีโอกาสหรือมีจังหวะที่ดีมากพอ เขาจะได้เป็นตัวจริงสมความตั้งใจ แต่เมื่อภาพฝันไม่เป็นดังความคิดพวกเขาเหล่านั้นจึงต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง
ฆวน มาต้า
เรอัล มาดริด
คงไม่มีใครจำภาพของเขาในสีเสื้อ เรอัล มาดริด เพราะ มาต้า เพียงแค่ลงเล่นในทีมกาสติญ่า ทั้งที่ได้หมายเลขเสื้อทีมชุดใหญ่เบอร์ 34 แต่กลับไม่เคยสัมผัสสนาม ได้แค่เล่นให้ทีมสำรอง ยิงได้ 10 ประตูจาก 39 เกม เท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้ บาเลนเซีย ต้องรีบไปทาบทามตัวมา และให้ขึ้นทีมชุดใหญ่ทันทีในฤดูกาล 2007/08 และแค่ซีซั่นแรกก็กลายเป็นขวัญใจแฟนบอล ได้รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมที่สาวกโหวตให้มากที่สุด
4 ฤดูกาลกับ “ลอส เช” เขาคือเพลย์เมกเกอร์คนสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าโควต้า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจจากหลายทีมใน พรีเมียร์ลีก ในที่สุดเขาเลือกไปที่ เชลซี จากการชักชวนของเพื่อนชาวสเปนด้วยกันอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสร 2 ปีซ้อน อยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก
ซามูเอล เอโต้
เรอัล มาดริด
เยาวชนจากแคเมอรูน ย้ายไปอคาเดมี่ เรอัล มาดริด นับเป็นข่าวใหญ่ในบ้านเกิดของ เอโต้ แต่ด้วยวัย 16 ปี เขาจึงได้แค่ซ้อมร่วมกับทีมสำรองเท่านั้น โชคไม่เข้าข้างเท่าไรที่เขาไม่สามารถลงสนามให้กับทีมกาสติญ่าได้ เนื่องจากตอนนั้นตกชั้นไป เซกุนด้า เบ หรือดิวิชั่น 3 ไม่อนุญาตให้นักเตะต่างชาติที่อยู่นอกสหภาพยุโรปลงสนาม
ความจำเป็นส่ง เอโต้ ไปอยู่กับ เลกาเนส แม้ซีซั่นถัดมาทีมชุดใหญ่จะให้เขาสัมผัสสนาม แต่ก็โดนส่งไป เอสปันญ่อล และการกลับมาในครั้งที่ 2 ของฤดูกาล 1999/2000 ช่วงครึ่งซีซั่นแรกเขาไม่ได้ลงเล่น เมื่อฤดูหนาวมาเยือนเขาจึงไป เรอัล มายอร์ก้า แบบยืมตัว 6 ประตูจาก 19 เกมทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเซ็นสัญญาอย่างถาวร รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งทวีปแอฟริกาในปี 2000 และผู้เล่นยอดเยี่ยมปี 2003 เป็นตัวแทนคำบอกว่าเขาตัดสินใจถูกหรือไม่ ที่เหลือคือตำนานแห่งแคเมอรูน
ปอล ป็อกบา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปี 2009 การย้ายไปอังกฤษทำให้ เลอ อาร์ฟ ประหลาดใจอย่างมาก มีข่าวลือว่า พ่อแม่ของ ป็อกบา ได้เงินก้อนจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้สโมสรแดนน้ำหอมยื่นร้องเรียนกับ ฟีฟ่า แต่ไม่เป็นผล ระหว่างอยู่ที่อคาเดมี่เขาโดดเด่นกว่าใครและมีเพื่อนร่วมทีมพรสวรรค์สูงมากมายจนได้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 ใครๆ ก็มองว่านี่คือแกนหลักในอนาคต แต่การไม่ตัดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่ทำให้ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขึ้นบัญชีขายเขา
กรกฎาคม 2012 ป็อกบา เลือกไป ยูเวนตุส จากข้อเสนอของ 3 ทีมสัญชาติอิตาเลี่ยน ดูเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากนักจากแชมป์อังกฤษไปสู่ทีมแชมป์อิตาลี แต่ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือหนุ่มไม่รู้ว่าจะเป็นมหัศจรรย์ฤดูกาลเดียวหรือไม่ การอยู่ใต้ร่มเงาปรมาจารย์ไม่ดีกว่าหรือ ไม่มีใครรู้ ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะโชว์ผลงานยอดเยี่ยม สมคำร่ำลือ
ตลอดเวลา 4 ปีอดีตต้นสังกัดอันโด่งดังคงรู้ดีว่าทำผิดพลาดไป และเมื่อท่านเซอร์ไม่ใช่กุนซือในปี 2016 สถานการณ์จึงเปลี่ยน เขากลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก กลับมาอย่างภาคภูมิและยิ่งใหญ่ ปี 2021 เขาเหลือสัญญาอีกแค่ปีเดียว และยังไม่ต่อสัญญาใหม่ ประวัติศาสตร์ที่คลับคล้ายคลับคลา แตกต่างกันตรงที่ ป็อกบา ในวัย 28 ปีคงไม่สามารถทำให้ต้นสังกัดถอนทุนคืนได้มากนัก
เชส ฟาเบรกาส
บาร์เซโลน่า
ความใฝ่ฝันของเด็กที่เติบโตใน บาร์เซโลน่า คือการเล่นให้กับทีมบ้านเกิดในสักวัน แต่เมื่อเสื้อหมายเลข 4 ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ส่งต่อให้กับ ราฟาเอล มาร์เกซ และมี ชาบี เอร์นานเดซ อยู่ในทีมตัวจริง ฟาเบรกาส จำเป็นต้องเก็บภาพฝันนั้นไว้ในใจลึกๆ อาร์แซน เวนเกอร์ มอบโอกาสให้เขาเริ่มต้นเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ด้วยวัยเพียง 16 ปี และอีก 1 ปีต่อมาเขากลายเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังไม่ทิ้งร่างความฝันในเสื้อหมายเลข 4 แค่เปลี่ยนโลโก้บนอกเป็น อาร์เซน่อล
ปี 2009 ฟาเบรกาส เป็นกัปตันทีม ด้วยวัยเพียง 22 ปี เมื่อทุกอย่างถึงเวลาของมัน เขาจึงกลับบ้านเกิดในปี 2011 หยิบภาพฝันที่เคยจินตนาการกลับมาปัดฝุ่น แม้มันไม่ใช่ 3 ปีที่ราบรื่นนักก็ตาม เพราะเขาต้องย้ายออกมา แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหน เขาก็ยังมีเวทย์มนตร์อยู่ที่ปลายสตั๊ดเสมอ และได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัยกับ เชลซี
แซร์จ นาบรี้
อาร์เซน่อล
อาร์เซน่อล จ่ายค่าตัว นาบรี้ ให้ สตุ๊ตการ์ท เพียงแค่ 100,000 ปอนด์ (4 ล้านบาท) ไม่รู้เพราะราคาแสนถูกนี้หรือเปล่า หรืออายุที่น้อยเกินไป โอกาสของเขาจึงน้อยเหลือเกิน 3 ซีซั่นในลอนดอนได้ลงสนามเพียง 10 เกม และดูเหมือนถ้าจะทิ้งแข้งรายนี้ไปก็ไม่เป็นไร เมื่อถึงเวลาที่พยายามจะต่อสัญญาใหม่นักเตะก็ไม่สนใจและขอขึ้นบัญชีย้าย เบรเมน จ่ายค่าตัวให้ 5 ล้านปอนด์ (200 ล้านบาท) เมื่อย้ายแล้ว นาบรี้ ยอมรับว่าอดทนรอไม่ไหวกว่าจะได้ขึ้นทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซน่อล
อาร์แซน เวนเกอร์ บอกว่าเสียดายที่ไม่ได้ต่อสัญญาก่อนขาย ส่วนเรื่องฝีเท้า เขาบอกว่า นาบรี้ ยังขาดอะไรบางอย่างอีกเล็กน้อย จนกระทั่งวันที่อดีตลูกทีมไป บาเยิร์น มิวนิค กุนซือชาวฝรั่งเศสจึงพูดได้ว่า เขารู้อยู่แล้ว นาบรี้ จะเป็นสุดยอดนักเตะ!
เส้นทางชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่าง ดังนั้นไม่มีใครบอกได้เลยว่าการตัดสินใจของพวกเขาเหล่านี้ถูกหรือผิด อาจไม่มีใครเป็นฝ่ายผิด เพราะเราย่อมตามหาสิ่งที่ดีกว่าเพื่อตัวเอง แต่พวกเขาคงพอเป็นตัวอย่างสำหรับแข้งหน้าใหม่ๆ เมื่อชีวิตมาถึงทางแยก ทั้งนี้ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบการแทงบอล ก็สามารถดูทีเด็ดบอลชุด 99ballstep แม่นๆ ได้ที่เว็บนี้ที่เดียว