นับตั้งแต่ชนาธิป สรงกระสินธ์ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย ด้วยการเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ลงเล่นระดับ เจ ลีก หรือลีกสูงสุดของญี่ปุ่น เมื่อเซ็นสัญญากับฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร ลุยลีกญี่ปุ่นช่วงเลก 2 ของปี 2017 ฟุตบอลลีกสูงสุดของญี่ปุ่นก็เริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในประเทศไทย เพราะแน่นอนว่า ทุกนัดที่ชนาธิปได้ลงสนาม แฟนบอลชาวไทยทุกคนต้องรับชมถ่ายทอดสดติดขอบจอเพื่อให้กำลังใจสตาร์ของทีมชาติคนนี้
ชนาธิปตอบแทนทุกกำลังใจด้วยความทุ่มเท และฟอร์มการเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะฤดูกาล 2018 ซึ่งเล่นดีจนมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยม เจ ลีก ประจำฤดูกาลนั้น เป็นนักเตะจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนแรกที่ได้รับเกียรติระดับนี้
หลังจากทำได้ดีเยี่ยมระหว่างการยืมตัว 1 ปีครึ่ง ซัปโปโร จึงจัดการซื้อตัว ชนาธิป มาจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งตรงส่วนนี้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในข้อตกลง แต่เว็บไซต์ ทรานสเฟอร์มาร์คท์ (Transfermarkt) ซึ่งเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลการย้ายทีมนักเตะทั่วโลก ระบุว่า ค่าตัวของชนาธิปอยู่ที่ 2.4 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 81 ล้านบาท ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริง ชนาธิปจะเป็นนักเตะไทยค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล
ถึงแม้จะเป็นการใช้ประโยชน์จากกฎใหม่ของลีก ซึ่งอนุญาตให้สโมสรดึงตัวนักเตะชาติอาเซียนได้สโมสรละ 1 คน โดยไม่นับเป็นโควตานักเตะต่างชาติ แต่ผลงานของชนาธิปก็ถือว่าสร้างเสียงตอบรับที่ดีให้กับนักเตะไทย โดยปัจจุบันมีแข้งไทยที่ไปเล่นเจลีกมาแล้ว ได้แก่ ธีรศิลป์ แดงดา (ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า แบบยืมตัว ปี 2018) ธีราทร บุญมาทัน (วิสเซล โกเบ และโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส แบบยืมตัว ปี 2018 และ 2019) และฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (โออิตะ ทรินิตะ แบบยืมตัว ปี 2019)
แข้งไทยมีส่วนไม่แพ้อิเนียสต้า-บีย่า
เจแปน ไทม์ส หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของญี่ปุ่น รายงานว่า บรรดานักเตะทีมชาติไทยที่ไปลงเล่นเจ ลีก มีส่วนสำคัญในการพัฒนาลีกญี่ปุ่นได้เหมือนกับแข้งดังระดับโลก เช่น อันเดรส อิเนียสต้า, ดาบิด บีย่า, ลูคัส โพดอลสกี, โธมัส แฟร์แมเลน และเซร์จี ซัมเปร์ (วิสเซล โกเบ) และเฟร์นันโด ตอร์เรส (ซากัน โทสุ)
รายงานระบุว่า การมีนักเตะระดับแถวหน้าของทีมชาติไทยไปเล่นในญี่ปุ่นช่วยให้แฟนเพจเฟซบุ๊กของเจลีก ภาคภาษาไทย มียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว ในช่วงเวลาดังกล่าว ท่ามกลางความพยายามผลักดันด้านการตลาดของเจ ลีก ซึ่งเน้นมาทางกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก
ชนาธิปคือต้นแบบแข้งอาเซียน
ปัจจุบัน แฟนเพจเฟซบุ๊กเจลีก ภาคภาษาไทย มียอดไลค์เกือบ 5 แสนคนแล้ว แต่ยังไม่เท่าชนาธิป ซึ่งมียอดผู้ติดตามทางไอจีทะลุหลัก 2 ล้านคนไปแล้ว และเป็นเหมือนคนดังระดับเอลิสต์ของเมืองไทย
ชนาธิปเคยสร้างปรากฏการณ์ให้กับการถ่ายทอดสดของเจลีกมาแล้ว โดยเกมระหว่างซัปโปโร ดวลกับคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ในเดือน ส.ค. ปี 2017 มีแฟนบอลชาวไทยดูถ่ายทอดสดทางทีวีราว 4 แสนคน ซึ่งมากกว่าการยอดผู้ชมของทีมดังอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเสียอีก
สำนักข่าว เกียวโด นิวส์ รายงานว่า เจลีกคาดหวังว่าความนิยมในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะเป็นต้นแบบสำหรับการขยายสู่ตลาดอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยม แต่ผู้คนเน้นติดตามฟุตบอลยุโรปเป็นหลัก
ทั้งนี้ เจลีกกำลังเร่งขยายฐานผู้ติดตามก่อนที่สัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดปัจจุบันกำลังจะหมดอายุเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2019 ซึ่งจะช่วยให้ได้ผลประโยชน์จากดีลถ่ายทอดสดมากขึ้น และการดึงนักเตะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเล่นในญี่ปุ่นเป็นส่วนสำคัญในการเจาะตลาดภูมิภาคนี้
ผู้บริหารระดับสูงของเจลีกรายหนึ่ง เปิดเผยกับเกียวโด นิวส์ ว่า ถ้าไม่มีนักเตะจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจลีกก็จะขยายฐานแฟนคลับยากขึ้น และมีแผนจะดึงแข้งดีกรีทีมชาติจากย่านนี้ไปเล่นในญี่ปุ่นมากขึ้น โดยจะเป็นแข้งเวียดนาม และอินโดนีเซีย ต่อจากแข้งไทยที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว
ขณะที่มิตสึรุ มูราอิ ประธานเจลีก กล่าวยกย่องชนาธิป ว่าทำได้ดีทั้งผลงานการเล่นในสนาม และการช่วยส่งเสริมเจลีกในประเทศไทย
“ผมเซอร์ไพรส์เมื่อเห็นวิดีโอชนาธิปลงซ้อมกับซัปโปโรครั้งแรกมีผู้เข้าชม 3 ล้านคน มากกว่าประชากรทั้งหมดของเมืองซัปโปโร” มูราอิ กล่าว
“ชนาธิปสร้างผลประโยชน์ใหญ่หลวงให้กับเจลีก ผมต้องการให้เขาอยู่ช่วยพัฒนาลีกต่อไป”
แหล่งรวมบทวิเคราะห์เจาะลึกทุกด้านของข่าวฟุตบอล นำเสนอในรูปแบบใหม่ ฉีกทุกข้อจำกัดของข่าวเดิมๆ เพราะเว็บไซต์ของเรานำเสนอข่าววันนี้ที่ดีกว่าเมื่อวาน ไปที่หน้าเว็บหลักเพื่อติดตามบทความที่น่าสนใจได้ที่นี่